เห็ดหลินจือ มีประโยชน์อะไรบ้าง ข้อควรรู้และคำแนะนำเพื่อบำรุงสุขภาพและบำบัดโรคร้าย

ในอดีตจะเสาะหาเห็ดหลินจือได้ตามป่าเขาที่ขึ้นตามธรรมชาติเพื่อนำมาเป็นอาหารบำรุง และบำบัดโรค เพิ่มประสิทธิภาพให้กับภูมิคุ้มกันโรค ใช้ทำเป็นยาอายุวัฒนะที่ให้ประสิทธิภาพสูง ช่วยทำให้ระบบต่างๆ ในร่างกายเกิดความสมดุลตามธรรมชาติ
เห็ดหลินจือ บำรุงสุขภาพและบำบัดโรคร้าย
แม้เห็ดหลินจืออยู่ในตำรายาสมุนไพรแพทย์แผนจีนโบราณหลายพันปีแล้วก็ตาม แต่ก็ยังพัฒนาการค้นคว้าด้านวิทยาศาสตร์ การแพทย์แผนใหม่ยังคงใช้วิธีการรักษาโรคร้ายต่าง ๆ เมื่อไม่กี่สิบปีที่ผ่านมา วงการแพทย์ของญี่ปุ่นให้ความสนใจศึกษาค้นคว้าอย่างจริงจัง จนประสบความสำเร็จอย่างสูงในการใช้เห็ดหลินจือรักษาโรคร้ายต่าง ๆ นานาชนิด
เห็ดหลินจือ มีประโยชน์อะไรบ้าง
จากการทดสอบในการรักษาคนไข้พบว่าเห็ดหลินจือสามารถรักษาโรคภัยไข้เจ็บหลากหลายชนิด โดยเห็ดหลินจือมีประสิทธิภาพ ดังต่อไปนี้
* ลดโคเลสเตอรอล-ไขมันในเส้นเลือด
* ลดน้ำตาลในเส้นเลือด เพิ่มประสิทธิภาพของตับอ่อน
* ปรับสภาพเยื่อหุ้มเม็ดโลหิตแดงให้มั่นคง
* เนื่องจากเห็ดหลินจือมีสารอะดีโนซิน (ADENOSINE) ซึ่งช่วยลดการจับตัวเป็นลิ่มเลือดของเกร็ดเลือด ทำให้เลือดไม่แข็งตัวมากเกินไป พร้อมกันนั้นก็สามารถละลายอาการของโลหิตคั่งเช่นเดียวกัน
* เพิ่มสมรรถนะของต่อมหมวกไต เพื่อให้มีภาวะสมดุลของสารหลั่งจากต่อมไร้ท่อ
* เพิ่มภูมิคุ้มกันโรคให้กับร่างกายมากขึ้น
* ป้องกันความเสื่อมของเซลล์เนื้อเยื่อ
* ชะลอความแก่ ปรับสภาพร่างกายให้คงความเป็นหนุ่มเป็นสาว
* ลดผลข้างเคียงของยาที่ใช้รักษาความดันโลหิตสูง
* ป้องกันการเสื่อมสลายของอวัยวะภายในร่างกาย
* บำรุงหัวใจ ม้าม ตับ ปอด ไต การสูบฉีดของหัวใจ หลอดเลือด
* ฟอกเลือด บำรุงร่างกาย ช่วยให้นอนหลับสบาย
* รักษาโรคประสาท อาการทางจิตใจช่วยให้มีชีวิตชีวา
* รักษาหลอดลมอักเสบ หืดหอบ
* ลดความดันโลหิตสูง (ไม่มีผลต่อคนที่มีความดันปรกติหรือความดันต่ำ)
* ช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันในร่างกาย รักษาอาการภูมิแพ้ต่าง ๆ
* มีฤทธิ์ช่วยยับยั้งเซลล์เนื้องอก เป็นมะเร็ง อาการแพ้ต่าง ๆ
* ช่วยป้องกันการถูกทำลายของตับ ยับบั้งการหลั่งของฮีสเตอรีน
* แก้ปวดตามข้อ บำรุงเอ็น กระดูก บำรุงประสาท
* ช่วยเปลี่ยนสารพิษในร่างกายให้เป็นสารที่มีประโยชน์แทน
* ป้องกันการแพ้สารต่าง ๆ โดยไปกดการหลั่งสารฮีสตามีน
* ป้องกันมะเร็ง สะกัดการกระจายของเซื้อมะเร็ง โดย…
- 1. มีประสิทธิภาพปรับร่างกายให้คงสภาพเดิม ป้องกันความเสื่อมสภาพของเซลล์เนื้อเยื่อ
- 2. มีประสิทธิภาพป้องกันผู้ที่ป่วยเป็นโรคมะเร็งที่อาจเสียชีวิตจากการอุดตันของลิ่มเลือด
- 3. สามารถควบคุมสภาพที่เป็นลิ่มเลือด สลายลิ่มเลือดที่เกาะตามผนังเส้นเลือด สลายสารที่ป้องกันยาที่เข้าไปรักษามะเร็ง
- เพื่อให้ยาที่ไปรักษาโรคมะเร็งมีประสิทธภาพเต็มที่
- 4. สามารถขจัดความเจ็บปวดอันเกิดจากโรคมะเร็ง

คุณภาพโดยทั่วไป ขึ้นอยู่กับปัจจัย
* สายพันธุ์
* อายุ
* แหล่งอาหารที่เห็ดหลินจือได้รับ
* ภาวะในกระเพาะ
การเจริญเติบโตของเห็ดหลินจือ
ธรรมชาติของเห็ดหลินจือ ค่อนข้างแปลกจากเห็ดทั่วไป คือ เห็ดอื่น ๆ หากขาดอาหารจะหยุดการเจริญเติบโตและจะตายไปในที่สุด แต่เห็ดหลินจือจะหยุดการเจริญเติบโตไว้ชั่วคราว รอจนมีน้ำและอาหารที่สมบูรณ์อีกครั้งเห็ดหลินจือก็จะเจริญเติบโตได้อีกครั้งหนึ่ง เห็ดหลินจือบางดอกมีอายุ 10-20 ปี
โดยทั่วไปเห็ดหลินจือจะมีโครงสร้างที่เเข็งแรงมาก เมื่อก่อนจะมีสีเหลืองอ่อน เมื่อเจริญเติบโตจะมีสีเข้มเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ คือ สีน้ำตาล โดยจะค่อย ๆ มีสีน้ำตาลจากโคนดอก แผ่สีออกไปตามความเจริญเติบโตจนถึงปลายดอกแล้วจึงมีสีเข้มขึ้นเป็น ม่วงเข้ม ดำ ตามลำดับ แต่ดอกเห็ดหลินจือที่สมบูรณ์ที่สุดจะเป็นช่วงที่มีสีน้ำตาลแดง ในระยะนี้จะมีคุณภาพดีและสมบูรณ์ที่สุด
ข้อมูลส่วนหนึ่ง จากการประชุมสัมมนาทางวิชาการเรื่อง
“หลินจือ”
จัดโดยกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข
ณ วันที่ 20 เมษายน 2538
สารสำคัญ
เห็ดหลินจือมีสารสำคัญคือ “พอลิแซคคาไรด์” ซึ่งมีโครงสร้างเป็นคาร์โบไฮเดรตที่ประกอบโมเลกุลของน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยว ออกฤทธิ์ในการกระตุ้นการทำงานของเม็ดเลือดขาวให้มีประสิทธิภาพ เสริมภูมิคุ้มกันให้ร่างกายแข้งแรง สามารถสู้กับโรคภัยไข้เจ็บได้
ความปลอดภัยในการใช้เห็ดหลินจือ
จากการวิจัยและทดลองเรื่องพิษวิทยาจากการใช้เห็ดพบว่า ไม่มีพิษใดๆ จากเห็ดหลินจือแม้ว่าจะรับประทานนานเพียงใดก็ตาม สำหรับผู้ที่เริ่มรับประทานเห็ดหลินจือใหม่ๆ นั้นอาจจะรู้สึกมึนศรีษะ ปวดเมื่อย ปวดตามข้อ ง่วงนอน ผิวหนังเกิดอาการคัน มีอาการคล้ายท้องเสียท้องผูก ปัสสาวะบ่อยหรือจะมีผลลักษณะอาการของโรคนั้นๆ ซึ่งเป็นปฏิกิริยาสะท้อนกลับ อันเป็นเรื่องปกติของการบำบัดรักษาด้วยยาแผนโบราณ เนื่องจากตัวยาได้เข้ามาไปบำบัดรักษาโรค โดยจะเข้าไปชะล้างสิ่งที่เป็นพิษภายในร่างกายให้สลาย เคลื่อนย้ายและขับถ่ายสารพิษออกจากร่างกาย จึงทำให้ร่างกายกำลังเกิดอาการผิดปกติดังกล่าวซึ่งเป็นสัญญาณว่าร่างกายกำลังฟื้นตัว ไม่ใช่ผลข้างเคียง ซึ่งอาการเช่นนี้จะเกิดขึ้นในระยะเวลาสั้นๆ เพียง 2-3 วันหรือประมาณ 1 อาทิตย์ก็จะกลับสู่ภาพปกติ หากท่านมีอาการดังกล่าวไม่ต้องตกใจ ให้รับประทานเห็ดหลินจือต่อไปอย่าหยุด แต่ให้ลดจำนวนลงหากมีอาการมาก เมื่อมีอาการปกติก็ให้รับประทานตามคำแนะนำต่อไป
ตัวอย่างผู้ที่ใช้ยาสมุนไพรเห็ดหลินจือ
ข้อแนะนำในการใช้และเลือกซื้อเห็ดหลินจือคุณภาพ
เห็ดหลินจือชนิดดอกเห็ดฝานบาง (ใช้ต้ม)
· ต้องสะอาด ไม่มีมอด แมลง เชื้อรา หรือเป็นเห็ดเก่า และการเก็บรักษาที่ไม่ถูกต้อง
· ควรเป็นเห็ดที่ได้จากการเพาะปลูก และผลิตจากแหล่งที่เชื่อถือได้
· เห็ดหลินจือแท้ต้องมีรสชาติขมชุ่มคอ เป็นองค์ประกอบhg
· การเก็บรักษา ควรเก็บไว้ในความชื้นที่ไม่เกิน 8-10%
· เพื่อความปลอดภัยควรเลือกซื้อเห็ดที่ผ่านการฆ่าเชื้อด้วยรังสีแกมม่า และบรรจุในภาชนะที่สะอาด
เห็ดหลินจือสกัดบรรจุแคปซูล (สูตร1, สูตร2)
· ควรรับประทานเห็ดหลายสายพันธุ์ เพราะแต่ละสายพันธุ์จะบำบัดได้ 2-3 โรคเท่านั้น และต้องเป็นสายพันธุ์ตามการ วิจัยและรับรองทางการทางการแพทย์ ซึ่งจะมีลักษณะด้านหลังดอกเป็นสีน้ำตาลแดง ใต้ดอกสีเหลือง สายพันธุ์ Ganoderma Lucidum เท่านั้น
· ต้องรับประทานทั้งส่วนของดอกเห็ด (สูตร1) และรากเห็ด (สูตร2) ซึ่งแยกส่วนกัน เพราะส่วนที่เป็นดอกจะให้สรรพคุณทางด้านรักษา ส่วนที่เป็นรากนั้นจะให้สรรพคุณการบำรุง เมื่อทานทั้งสองส่วนนี้ร่วมกันจะให้สรรพคุณทางการบำรุงรักษาอย่างเป็นทวีคูณ
· RG คือสารที่มาจากสปอร์ในส่วนของดอกเห็ด ซึ่งจะละลายได้ดีในน้ำย่อยเท่านั้น ดังนั้นควรรับประทานเห็ดหลินจือสกัด ที่สกัดด้วยระบบความเย็นเท่านั้นเพราะเป็นวิธีการสกัดที่สามารถได้มาซึ่งสารสำคัญต่างๆได้อย่างครบถ้วน